วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558





 ช่วงนี้ (ปลายเดือนมกราคม) ต้นสุพรรณิการ์กำลังออกดอกบานสะพรั่งทั่วสวนสาธารณะภูหล่น อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี (ชมทุ่งดอกซากุระอีสาน บานสะพรั่งที่อุบลฯ ) ส่งผลให้นักท่องเที่ยวและชาวอุบลฯ เดินทางไปเที่ยว อ.พิบูลฯ มากมาย และโดยมากหลังจากเที่ยวชมความงามของดอกสุพรรณการ์เสร็จแล้ว ทักจะเดินทางไปเที่ยว ไปแวะรับประทานอาหารที่แก่งสะพือเป็นรายการต่อไป
               ระหว่างการเดินทางจากสวนสาธารณะภูหล่นไปยังแก่งสะพือนี่เอง ตลอดสองข้างทางจะมีแผงขายซาลาเปาพิบูลฯ เยอะแยะไปหมด ซึ่งซาลาเปาพิบูลนี้ ถือว่าเป็นสินค้าโอท็อปของ อ.พิบูลฯ ก็ว่าได้ แขกไปใครมาส่วนใหญ่จะซื้อกลับไปด้วยทุกครั้ง ทีนี้ก็เกิดคำถามที่ไกด์อุบลจะต้องตอบเป็นประจำคือ ซาลาเปาพิบูลฯ ร้านไหนอร่อย
               เรื่องอย่างนี้ตอบยากครับ บอกตามตรงว่า รสชาติใกล้เคียงกัน เผลอๆ บางร้านเล่นส่งกระจายขายหลายๆ แผง เรียกว่าซื้อแผงไหน ก็ได้ซาลาเปาร้านนี้อยู่นั่นแหละ แต่ไกด์อุบลขออนุญาตแนะนำร้านที่เป็นต้นตำรับดั้งเดิมของซาลาเปาพิบูลฯ เลยละกันครับ  ร้านซาลาเปาพิบูลฯ ที่เป็นต้นตำรับขายมาแต่แรกๆ นั้น อยู่ตรงเชิงชะพานข้ามแม่น้ำมูลตรงแก่งสะพือครับ แนะนำให้เลี้ยวขวาไปจอดที่ลานจอดรถแล้วเดินข้ามถนนตรงเชิงสะพานมานิดเดียวก็ถึงแล้วครับ  ร้านนี้เดิมเป็นร้านกาแฟ ชาวบ้านเรียกว่า "ร้านกาแฟพิบูล" หรือบางท่านก็บอกว่าร้านนี้ชื่อร้าน "ซิมยู" ครับ เชื่อกันว่ามีสูตรลับพิเศษที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุ เพราะบรรพชนได้อพยพมาจาก เมืองจีนได้สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น มีความอร่อยคงทน เนื้อแป้งหอม นุ่ม ใส้ในก็มีความโดดเด่นในเฉพาะตัว โดยมีทั้งใส้หวานที่เป็นเนื้อแป้งหวานสีดำเฉพาะและใส้เค็มที่มีเนื้อหมู กุ้ง และหน่อไม้ เป็นส่วนผสม ในความลงตัวของสูตรใส้ซาลาเปาอย่างลงตัวและคงความอร่อยติดปาก ต่อปากมาจนทุกวันนี้ ถ้าใครมาแล้วไม่ได้ลิ้มรสซาลาเปาเจ้าเก่า คงยังไม่เข้าถึงของอร่อยเมืองพิบูลฯ
               ซาลาเปาพิบูลฯ ของแท้ ดั้งเดิม จะมีอยู่ 3 ไส้เท่านั้น คือ ไส้หวาน (เนื้อไส้สีดำ) ไส้หน่อไม้ และไส้หมูสับ  ปัจจุบันก็ยังทำขายเฉพาะสามไส้นี้เท่านั้น แต่กาแฟไม่ได้ขายแล้ว เมื่อขายดีมากๆ จึงมีร้านอื่นๆ เกิดขึ้นมามากมาย บางร้านพัฒนาสูตรให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม หากอยากชิมรสชาติของซาลเปาพิบูลฯ ไกด์อุบลขอแนะนำร้านต้นตำรับแท้ๆ เชิงสะพานข้ามแม่น้ำมูลที่แก่งสะพือครับ



ซาลาเปา "ก็อร่อย" คือซาลาเปาพิบูล
            ".... ตามถนนเส้นทางหลวงหมายเลข ๒๑๗ (ที่มุ่งสู่พิบูลมังสาหาร : ผู้เขียน) ล้วนแต่มีซุ้มขายซาลาเปาตลอด ๒ข้างทาง และสุดท้ายที่จะเลี้ยวขวามือของถนนหลวง เพื่อเข้าไปชมแก่งสะพือจะมีร้านขายซาลาเปาอยู่ตรงมุมเชิงสะพานข้ามแม่น้ำมูลพอดี เป็นร้านที่ขายซาลาเปาเก่าดั้งเดิม ชื่อว่าร้าน ซิมยู เลขที่ 32 ถนนหลวง อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เชื่อกันว่ามีสูตรลับพิเศษที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุเพราะบรรพชนได้อพยพมาจากเมืองจีนได้สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น มีความอร่อยคงทน เนื้อแป้งหอม นุ่ม ใส้ในก็มีความโดดเด่นในเฉพาะตัว โดยมีทั้งใส้หวานที่เป็นเนื้อแป้งหวานสีดำเฉพาะและใส้เค็มที่มีเนื้อหมู กุ้ง และหน่อไม้ เป็นส่วนผสม ความลงตัวของสูตรใส้ซาลาเปายังคงความอร่อยติดปากมาจนทุกวันนี้ ถ้าใครมาแล้วไม่ได้ลิ้มรสซาลาเปาเจ้าเก่า คงยังไม่เข้าถึงของอร่อยเมืองพิบูลฯ ในความอร่อยนี้ ได้มีการพัฒนาเป็นของฝากอีกมากที่หลากหลายในรสชาติ และรูปแบบเป็นอัตลักษณ์ของซาลาเปาที่หลากหลายและอร่อยที่สุด จนเป็นคำกล่าวที่ว่า อร่อยที่สุด ก็ว่าได้......" (ดร.เรวัต  สิงห์เรือง)
            ณ ร้านข้างทางดังที่ท่าน ดร.เรวัต สิงห์เรือง กล่าวนั้น มีร้านซาลาเปาอยู่ร้านหนึ่งครับชื่อร้าน ซาลาเปา "ก็อร่อย" ที่ยังคงผลิตซาลาเปาที่ยึดเอาเอกลักษณ์ของซาลาเปาพิบูลไว้ครับ นั่นคือแป้งต้องนุ่ม เนียน รสชาติเข้ากันกับไส้หมูสับหน่อไม้   สูตรของร้านมีการพัฒนามาจากบรรพบุรุษเหมือนกันแต่อาจจะคนละสายพันธุ์เท่านั้นเอง


ซาลาเปา "ก็อร่อย"  ไส้หมูสับหน่อไม้



มีกุ้งแห้งที่หน้าเป็นเอกลักษณ์
               
              นอกจากคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมแล้ว ร้านยังมีการพัฒนาแป้งซาลาเปาของจีนให้เข้ากันกับฮอทดอกของฝรั่งอีกด้วย เรียกว่า "เปาฮอทดอก" ก็ให้รสชาติที่อร่อยลงตัว



"เปาฮอทดอก" จากร้านซาลาเปา "ก็อร่อย"

สูตรแป้งใหม่เพื่อความลงตัว "ก็อร่อย"


              ร้านซาลาเปา "ก็อร่อย" ที่ว่านั้นตั้งอยู่เลขที่ ๑๓๖ ถนนสถิตย์นิมานกาล หมู่บ้านสนามชัย ตำบลโพธิ์ไทร อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มีคุณอ้นและคุณแพน เป็นผู้สืบทอด โดยเน้นวัตถุดิบที่ใหม่ สด ทำขายวันต่อวัน และปริมาณจะวิเคราะห์ตามจำนวนลูกค้าที่มาอุดหนุน ภายใต้แบรนด์ "ก็อร่อย"  และเน้นคุณภาพของสินค้าเป็นหลักโดยยึดสโลแกนว่า  ซาลาเปา "ก็อร่อย" คือซาลาเปา "ทำมือ" รับประกัน "ความอร่อย"
               ท่านที่เดินทางมาท่องเที่ยวพิบูลมังสาหาร หรืออยากจะซื้อเป็นของฝาก อย่าลืมแวะร้านซาลาเปา "ก็อร่อย"  ซึ่งท่านสามารถเยี่ยมชมเวฟเพจของร้านได้ก่อนที่   www.facebook.com/salapaogoraroi  มีเรื่องราวต่างๆซาลาเปา แผนที่ และลูกค้าที่มาอุดหนุนให้ติดตาม 




ซาลาเปา ของอร่อยเมืองพิบูล จ.อุบล                                                       
ที่หมู่บ้านภูเขาแก้ว ถนนสถิตนิมานกาล ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี (ริมถนนสายอุบลราชธานี-พิบูลมังสาหาร-ด่านชายแดนช่องเม็ก) จะมีซาลาเปานึ่งขายกันสดๆ ริมถนนมากมายหลายเจ้าเพื่อให้ผู้ที่

สัญจรไปมาได้แวะซื้อกันทั้งวัน ด้วยเพราะความอร่อยจริงไม่อิงการโฆษณา
นางสีนวล มิ่งขวัญ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/19 ถนนสถิตนิมานกาล ชุมชนภูเขาแก้ว ตำบลพิบูล อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ประกอบอาชีพค้าขายของชำเครื่องใช้เครื่องสอยต่างๆ นานา มาช้านาน และเป็นอีกผู้หนึ่งที่หันมาทำซาลาเปาขายเป็นเวลาสองสามปีแล้ว จนสามารถสร้างฐานะให้พลิกผัน จากพออยู่พอกินกลายมาเป็นเหลือเก็บเหลือกิน ปลอดหนี้สินทุกระบบ ซึ่งนางสีนวล มิ่งขวัญ บอกว่า เนื่องจากชุมชนหรือหมู่บ้านภูเขาแก้วตั้งอยู่ริมทางหลวงซึ่งเป็นเส้นทางสู่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังมากมายหลายที่ของจังหวัดอุบลราชธานี จึงได้เปรียบในด้านทำเลการค้าอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะประเภทอาหารการกินจะขายดีมาก และหนึ่งในจำนวนสินค้าริมทางที่สร้างชื่อสร้างเงินให้กับชาวบ้านที่นี่ก็คือ ซาลาเปา เพราะซาลาเปาที่นี่มีความอร่อย รสชาติเป็นหนึ่งมาตลอดถึงขนาดที่ว่ามีคนต่างถิ่นหรือพ่อค้าเร่ในพื้นที่จังหวัดอุบลฯ และใกล้เคียง ที่ขายซาลาเปาต้องติดป้าย ว่า...ซาลาเปาพิบูล....ส่วนจะพิบูลจริงหรือปลอม คนที่เคยลิ้มลองรสชาติเท่านั้นจะรู้ได้

ส่วนผสมที่ 1 แป้งสาลี (ไม่ขอบอกยี่ห้อ) เหลือง 1 ขีด, น้ำ 370 ซีซี., ยีสต์ 1 1/2 ช้อนโต๊ะโดยมีวิธีทำดังนี้ ร่อนแป้งด้วยตะแกรงตาถี่ใส่ในภาชนะ นำยีสต์ผสมกับน้ำ คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 5 นาทีจากนั้นนำมาเทใส่แป้ง ค่อยๆ ใช้มือนวดจนเป็นเนื้อเดียวกันประมาณ 30 นาที เมื่อแป้งเนียนได้ที่แล้วจึงใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดให้แห้งคลุมไว้ เพื่อหมักให้แป้งฟู ประมาณ 2-3 ชั่วโมง และส่วนผสมที่ 2 ประกอบด้วย แป้งสาลี 5 ขีด, 2 1/2 ออนซ์, น้ำตาลทราย 300 กรัม, ผงฟู 2 ช้อนโต๊ะ และเนยขาว 100 กรัม โดยมีวิธีทำก็คือ เมื่อหมักส่วนที่ 1 ได้ที่แล้ว จึงเทน้ำตาลทรายลงไปในส่วนที่ 1 นวดจนน้ำตาลละลายเข้าไปในเนื้อแป้ง แล้วเทแป้งสาลี ผงฟู นมสดลงไป นวดให้เข้ากัน (ปัจจุบันใช้เครื่องนวดแทนมือ) จึงเติมเนยขาว นวดต่อไปจนเนื้อแป้งฟูนุ่มมือ ถ้าแป้งแห้งเกินไปให้ค่อยๆ พรมน้ำอุ่น แล้วนวดแป้งต่อไป ประมาณ 10-15 นาที แล้วคลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำบิดให้แห้ง 20 นาที ใส่ไส้แล้วนำไปนึ่งในน้ำที่กำลังเดือด

อ่านต่อได้ที่ :
http://www.ryt9.com/s/bmnd/1002040


 
   การที่ได้มาท่องเที่ยวเมืองพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่แก่งสะพือ งามสมชื่อ เลื่องลืออีสาน นั้น ต้องมีของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากผู้ที่เป็นที่รักที่อยู่ทางบ้านตามธรรมเนียมของคนไทยผู้มีน้ำใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เป็นอย่างยิ่ง คงจะไม่ขาดหายไปในของฝาก คือ ซาลาเปา เพราะเป็นเส้นทางที่ผ่านเข้ามาในเขตเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร ตามถนนเส้นทางหลวงหมายเลข ๒๑๗ ล้วนแต่มีซุ้มขายซาลาเปาตลอด ๒ข้างทาง และสุดท้ายที่จะเลี้ยวขวามือของถนนหลวง เพื่อเข้าไปชมแก่งสะพือจะมีร้านขายซาลาเปาอยู่ตรงมุมเชิงสะพานข้ามแม่น้ำมูลพอดี เป็นร้านที่ขายซาลาเปาเก่าดั้งเดิม ชื่อว่าร้าน ซิมยู เลขที่ 32 ถนนหลวง อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เชื่อกันว่ามีสูตรลับพิเศษที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุเพราะบรรพชนได้อพยพมาจากเมืองจีนได้สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น มีความอร่อยคงทน เนื้อแป้งหอม นุ่ม ใส้ในก็มีความโดดเด่นในเฉพาะตัว โดยมีทั้งใส้หวานที่เป็นเนื้อแป้งหวานสีดำเฉพาะและใส้เค็มที่มีเนื้อหมู กุ้ง และหน่อไม้ เป็นส่วนผสม ในความลงตัวของสูตรใส้ซาลาเปาอย่างลงตัวและคงความอร่อยติดปาก ต่อปากมาจนทุกวันนี้ ถ้าใครมาแล้วไม่ได้ลิ้มรสซาลาเปาเจ้าเก่า คงยังไม่เข้าถึงของอร่อยเมืองพิบูลฯ ในความอร่อยนี้ จึงมีการพัฒนาอาหาร ของฝากที่เป็นซาลาเปาในเมืองพิบูลฯอีกมากที่หลากหลายในรสชาติ และรูปแบบเป็นอัตลักษณ์ของซาลาเปาที่หลากหลายและอร่อยที่สุด จนเป็นคำกล่าวที่ว่า อร่อยที่สุด ก็ว่าได้ จึงเป็นของฝาก นักท่องเที่ยว อาหารว่างสำหรับต้อนรับแขกที่มาทัศนศึกษาดูงานในพิบูลมังสาหาร จึงเป็นสินค้า OTOP ของพิบูลมังสาหาร เลยทีเดียว 
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น